ครีมกันแดด ถือเป็นไอเทมสำคัญเพราะแดดบ้านเรามีความร้อนแรงหากโดนไม่เพียงกี่วินาทีก็ทำให้แดงไปทั้งตัว สร้างผิวหมองคล้ำฝังลึกทำให้ผิวเสียได้ ซึ่งการเลือกใช้ครีมสำหรับกันแดดไม่ว่าจะเป็นสำหรับผิวหน้า หรือผิวตัวนั้นก็ต้องเลือกใช้ให้ดีให้ถูกต้องตรงวัตถุประสงค์การใช้งาน ไม่เช่นนั้นอาจจะได้ผลเสียมากกว่าผลดี โดยในท้องตลาดบ้านเราจะครีมสำหรับกันแดดออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ โดยมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปดังนี้
-
ครีมกันแดดชนิดเคมี (Chemical sunscreen)
ข้อดี – ครีมประเภทนี้มีคุณสมบัติดูดซับรังสี UV เอาไว้ทั้งหมดไม่ให้ผ่านเข้าไปสู่ผิวหนังได้จึงช่วยปกป้องได้เป็นอย่างดี เนื้อครีมมีความบางเบา ทาง่าย สามารถใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นได้ เช่น สกินแคร์ หรือ เครื่องสำอาง
ข้อเสีย – เนื่องจากเป็นครีมที่ดูดซับรังสีไว้ที่ผิวหนังหากใครที่มีผิวบอบบางก็อาจจะทำให้แพ้ ระคายเคืองได้ง่าย ที่สำคัญต้องทาทิ้งไว้ 30 นาทีก่อนที่จะออกไปโดนแดดเพื่อให้ครีมออกฤทธิ์มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ หากต้องอยู่กลางแจ้งนาน ๆ ต้องทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง และยังเป็นครีมที่ล้างออกยากกว่าแบบอื่นอีกด้วย
-
ชนิดกายภาพ (Physical sunscreen)
ข้อดี – เป็นครีมที่ป้องกันได้ทั้งแสง UVA-I, UVA-II, UVB โดยทำการสะท้อนแสงออกไปทันที จึงครีมที่มีความปลอดภัยกว่าแบบเคมีที่ดูดซับแสง UV เอาไว้ ทำให้ผิวหนังเสี่ยงต่ออการระคายเคือง หรือแพ้น้อยกว่า การใช้ครีมแต่ละครั้งยังทาครั้งเดียวไม่ต้องทาซ้ำ ทาแล้วออกไปเจอแดดได้ทันที และล้างทำความสะอาดง่าย สารไม่ตกค้างหรือดูดซึมสู่ผิว ทำให้ลดโอกาสเกิดการอุดตันรูขุมขน เหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่าย เด็ก ผู้ที่ตั้งครรภ์
ข้อเสีย – ครีมกันแดดแบบนี้เป็นครีมที่มีความหนา เมื่อทาแล้วทำให้ผิวดูไม่เป็นธรรมชาติ ดูแล้วเกิดอาการวอกได้แต่อย่างไรก็ตามหากจะใช้ครีมประเภทนี้ก็ควรเลือกใช้แบบที่มีสาร Zinc oxide หรือ Titanium dioxide เพื่อให้ดูมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยสะท้อนแสงได้ดีอีกด้วย
-
ครีมชนิดผสม (Chemical-Physical sunscreen)
เป็นครีมที่ถูกพัฒนาให้ทั้งดูดซับ และสะท้อนแสงUV ออกได้ในคราเดียวกัน เป็นการรวมเอาข้อดี และลบข้อด้อยของครีมทั้งสองแบบก่อนหน้านี้
เมื่อดูครีมกันแดดทั้ง 3 ชนิดนี้แล้วก็จะเห็นถึงข้อดี ข้อด้อยที่แตกต่างกันออกไปโดยสามารถนำเป็นแนวทางการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อจะได้มีผิวที่สุขภาพดี สวยใส ไม่หมองคล้ำ ที่สำคัญจะได้ไม่ต้องกลัวแดดอีกต่อไป