บทแผ่เมตตาคือการแบ่งปันความปรารถนาดี ความรักให้กับผู้อื่นทั้งเพื่อนมนุษย์ และอมนุษย์ทั้งหลาย ได้แก่ เทวดา และสรรพสัตว์ ให้มีความร่มเย็นเป็นสุขโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ เป็นการแสดงออกซึ่งน้ำใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมของผู้แผ่เมตตา
การสวดบทแผ่เมตตาสามารถทำเมื่อไหร่ ตอนไหนเวลาใดก็ได้ แต่มักจะนิยมทำหลังจากสวดมนต์หรือเจริญสมาธิเสร็จ เพื่อให้ได้รับอานิสงส์สูงสุด และการแผ่เมตตาที่จะทำให้เกิดผลต่อการพัฒนาจิตที่ดีควรแผ่เมตตาให้ตนเองก่อน แล้วจึงผาให้ผู้อื่น
ซึ่งการสวดแผ่เมตตานั้นหลัก ๆ จะมีอยู่ 2 แบบคือการสวดแผ่เมตตาให้กับตัวเอง และแผ่เมตตาให้กับคนอื่น และควรเริ่มต้นด้วยการแผ่เมตตาให้ตัวเองก่อน โดยอานิสงส์ที่จะได้รับจากการสวดทั้ง 2 แบบก็แตกต่างกันไปดังนี้
ประโยชน์ของ อานิสงส์แห่งการ สวดแผ่เมตตาให้กับตัวเอง
- นอนเป็นสุข – คือนอนหลับสนิท มีลักษณะท่าทางการนอนเรียบร้อย มีความงดงาม น่าเลื่อมใส ไม่นอนดิ้น นอนกลิ้ง
- ตื่นเป็นสุข – คือหลังจากตื่นนอนมีแต่ความแจ่มใส สดชื่นเบิกบานเหมือนดอกปทุมที่กำลังแย้มบาน ไม่ตื่นขึ้นมามีแต่อาการขุ่นมัว ได้แต่ถอนหายใจ
- ไม่ฝันร้าย – คือไม่ฝันถึงสิ่งไม่ดี ไม่ฝันเห็นสิ่งน่าเกลียดน่ากลัว เช่นผีหลอก ถูกทำร้าย ถูกปล้น หรือตกเหวเป็นต้น หากจะมีความฝันก็ล้วนฝันเห็นสิ่งที่ดีเช่น ได้ทำบุญ ไหว้พระ หรือไปในสถานที่งดงาน และเป็นมงคล
- จิตเป็นสมาธิเร็ว – คือเมื่อเจริญกรรมฐานจนจิตสำเร็จเป็นอุปจารสมาธิ หรืออัปปนาสมาธิเร็ว
- ผิวหน้าผ่องใส- คือหน้าตามีผิวพรรณมีแต่ความเปล่งปลั่งเต็มไปด้วยความสดใส
- ไม่หลงตาย – คือเมื่อถึงคราวที่ต้องจากโลกนี้ไปจะตายอย่างสงบ ไม่ทรมานทุรนทุราย เหมือนคนนอนหลับนิ่ง ๆ อย่างมีความสุข
ประโยชน์ของ การสวดบทแผ่เมตตาให้กับผู้อื่น
- ผู้ที่แผ่เมตตาเป็นประจำจะมีจิตใจอ่อนโยน เยือกเย็นลง
- เป็นแสงส่องทางนำให้โลกเกิดสันติสุข
- ผู้ได้รับการแผ่เมตตาจะมี จิตอ่อนโยน ความเยือกเย็น และรับความสุขทางใจไปด้วย
- ผู้ที่แผ่เมตตา จะคิดถึงส่วนรวมก่อนตนเอง ทำให้เกิดสังคมที่ และกลายเป็นผู้ให้ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
การสวดบทแผ่เมตตา เป็นความ และปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล หากใครหวังที่จะพบความสุขสงบภายในจิตใจของตัวเอง และประสงค์เป็นที่รักเป็นที่นับถือของผู้อื่น ควรหมั่นสวดแผ่เมตตาเป็นประจำ ดีกว่าไปพึ่งสิ่งที่มองไม่เห็น หรือไสยศาสตร์ เพราะอานิสงส์ผลบุญที่แท้จริงล้วนเกิดจากตัวเราเป็นผู้ปฏิบัติทั้งสิ้น