ในยุคที่ ต้นกัญชา กลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่ทุกคนจับตามอง การปลูกให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปลอดภัยกลับไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่หลายคนคาดไว้ ความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้หลายคนเริ่มหันมาปลูกกัญชาเอง แต่พบว่าแม้จะมีเทคโนโลยีและข้อมูลมากมายก็ยังเผชิญกับปัญหาหลายรูปแบบที่คาดไม่ถึง
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ ปัญหาที่พบบ่อยในการปลูกต้นกัญชา พร้อมแยกแยะ สาเหตุ วิธีป้องกัน และแนวทางแก้ไข อย่างละเอียด เพื่อให้เกษตรกรสามารถจัดการกับปัญหาได้ตั้งแต่ต้นน้ำ และไม่เสียโอกาสทางธุรกิจจากความผิดพลาดที่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ต้นกัญชาไม่โตหรือเติบโตช้าเกินไป
หนึ่งในปัญหาที่เจอบ่อยในระยะแรกคือ ต้นกัญชาเติบโตช้า ใบเหี่ยว ไม่ยืดตัว หรือไม่แผ่ใบให้กว้างอย่างที่ควรจะเป็น ปัญหานี้มักมีสาเหตุหลักมาจาก การจัดการสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม เช่น แสงไม่พอ อุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป หรือดินขาดธาตุอาหารที่จำเป็น
วิธีป้องกันที่ได้ผลคือการวางแผนระบบการปลูกอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้หลอดไฟที่เหมาะสมสำหรับการปลูกในร่ม หรือการจัดการกับแสงธรรมชาติหากปลูกกลางแจ้ง นอกจากนี้ ดินควรได้รับการเตรียมด้วยอินทรียวัตถุ และควรมีการตรวจวิเคราะห์ค่าดินเพื่อเติมแร่ธาตุให้เหมาะสมกับสายพันธุ์ที่ปลูก
แนวทางแก้ไขหากพบปัญหานี้ในระหว่างการปลูก คือการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมทันที เพิ่มแสงให้เพียงพอ ลดการรดน้ำหากดินอมน้ำเกินไป และให้ปุ๋ยอินทรีย์สูตรเสริมไนโตรเจนเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของลำต้นและใบ
การเกิดโรคใบจุด ใบเหลือง หรือรากเน่า
โรคพืชเป็นศัตรูร้ายที่เงียบแต่น่ากลัว โดยเฉพาะในระบบปลูกแบบปิดหรือแปลงปลูกที่มีความชื้นสูง โรคที่พบบ่อยใน ต้นกัญชา ได้แก่ ใบจุดจากเชื้อรา ใบเหลืองจากการขาดธาตุ และรากเน่าจากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา ซึ่งหากไม่จัดการตั้งแต่แรกอาจลามไปสู่ทั้งแปลง
การป้องกันทำได้ด้วยการควบคุมความชื้นอย่างรอบคอบ หลีกเลี่ยงการรดน้ำมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน และควรมีระบบระบายอากาศที่ดีในโรงเรือน ปุ๋ยที่ใช้ต้องมีความสมดุล และมีการเสริมธาตุรองหรือธาตุเสริมที่จำเป็น
หากพบว่าเริ่มมีอาการ ควรตัดใบที่เป็นโรคออกทันที และใช้สารชีวภาพ เช่น น้ำหมักสมุนไพร หรือสารสกัดจากพืชสมุนไพรจำพวกสะเดาในการควบคุม หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรง เพราะอาจตกค้างในผลผลิต ทำให้ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค
แมลงศัตรูพืชสร้างความเสียหาย
แมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ เพลี้ยแป้ง หนอนกัดใบ และไรแดง คือภัยเงียบที่ทำให้เกษตรกรหลายรายสูญเสียผลผลิตโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในช่วงที่ ต้นกัญชาเริ่มออกดอก ซึ่งเป็นช่วงที่พืชมีความอ่อนแอและดึงดูดแมลงมากเป็นพิเศษ
วิธีการป้องกันแบบยั่งยืนคือการสร้าง ระบบนิเวศเกื้อหนุนในแปลงปลูก เช่น การปลูกพืชสมุนไพรไล่แมลงร่วมในแปลง หรือการใช้กับดักกาวเหนียวเพื่อลดจำนวนแมลง รวมถึงการปล่อยแมลงห้ำหรือแมลงเบียนเพื่อควบคุมศัตรูตามธรรมชาติ
ในกรณีที่มีการระบาดหนักและไม่สามารถควบคุมได้ด้วยวิธีชีวภาพ การเลือกใช้สารอินทรีย์ที่ปลอดภัยหรือสูตรสกัดจากสมุนไพรจะช่วยให้ควบคุมศัตรูพืชได้โดยไม่ส่งผลเสียต่อผู้บริโภคหรือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ปลายทาง
ดอกกัญชาไม่พัฒนาหรือมีปริมาณน้อย
แม้ว่าการเจริญเติบโตของ ต้นกัญชา จะเป็นไปได้ด้วยดี แต่บางครั้งอาจพบว่าเมื่อถึงช่วงออกดอกกลับได้ผลผลิตน้อย หรือดอกไม่แน่น กลิ่นไม่ชัดเจน สาเหตุหลักมักเกิดจาก การให้แสงไม่เพียงพอในช่วงการออกดอก หรือขาดฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมในระยะวิกฤต
การป้องกันต้องเริ่มตั้งแต่การกำหนดเวลาแสงและความเข้มแสงในช่วงออกดอกให้เหมาะสม รวมถึงการเสริมด้วยปุ๋ยสูตรดอกที่เน้นฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมอย่างต่อเนื่อง
หากพบว่าดอกเริ่มมีพัฒนาการช้า ควรรีบปรับสูตรปุ๋ยทันที และตรวจสอบว่าระบบแสงและความชื้นมีเสถียรภาพหรือไม่ การจัดการในช่วงนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเป็นช่วงที่คุณภาพและปริมาณของดอกจะถูกกำหนดโดยตรง
ต้นกัญชาตายเฉียบพลันโดยไม่ทราบสาเหตุ
กรณีที่ ต้นกัญชาตายกะทันหัน โดยไม่แสดงอาการชัดเจน อาจมาจาก รากเน่าอย่างรุนแรง ความเค็มในดินสูงเกิน หรือการใช้ปุ๋ยหรือสารชีวภาพที่ไม่เหมาะสม สาเหตุนี้มักเกิดจากการบริหารน้ำหรือปุ๋ยผิดวิธี โดยเฉพาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มปลูก
แนวทางป้องกันคือการตรวจสอบคุณภาพน้ำที่ใช้รดพืชอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการวิเคราะห์ดินเป็นระยะเพื่อเช็กความเค็มหรือค่าความเป็นกรด-ด่าง ควรหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุหมักหรือสารชีวภาพที่ยังไม่ผ่านการหมักอย่างสมบูรณ์
หากพบปัญหาแล้ว ควรรีบถอนต้นที่ตายและกักแปลงบริเวณนั้นไว้ไม่ให้แพร่กระจาย พร้อมปรับปรุงดินใหม่ด้วยถ่านชีวมวลหรือวัสดุปรับสภาพดินจากธรรมชาติ
บทสรุป: การรู้เท่าทันคือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการปลูกต้นกัญชา
การปลูก ต้นกัญชา ให้ได้ผลผลิตที่ดี ไม่ใช่แค่เรื่องของการมีเทคโนโลยีหรือความตั้งใจ แต่คือการ “รู้เท่าทัน” ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น พร้อมมีแผนรับมือที่ชัดเจนในทุกขั้นตอน เพราะปัญหาที่ไม่จัดการตั้งแต่ต้น จะนำไปสู่การสูญเสียทั้งผลผลิต ต้นทุน และความน่าเชื่อถือ
หากคุณคือเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างชื่อในวงการนี้ การเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่นคือทางลัดสู่ความสำเร็จ การวางระบบที่ดี ควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน และใช้แนวทางแบบยั่งยืน จะทำให้คุณอยู่รอดในตลาดที่กำลังเติบโตนี้ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
















