ความฝันในการออกเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ ๆ ไม่ควรถูกจำกัดไว้เพียงแค่ในหัวใจ แต่ควรถูกแปลงเป็นแผนการที่จับต้องได้ หลายคนฝันจะไปญี่ปุ่น เกาหลี หรือยุโรป แต่ติดปัญหาเรื่อง “ไม่มีเงินพอ” ทั้งที่จริงแล้วสิ่งที่ขาดอาจไม่ใช่เงิน แต่คือแผนและวินัย

เก็บเงินไปเที่ยว คือกระบวนการที่สามารถทำได้จริง หากเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม และปรับ Mindset ของตัวเองให้เข้าใจว่า “เที่ยวได้ โดยไม่กระทบชีวิตหลัก” บทความนี้จะพาคุณไปสู่กระบวนการวางแผนทางการเงินที่ลงมือได้ทันที
รู้จักจุดหมายก่อนเริ่มออมเงิน
ก่อนจะเริ่มต้นเก็บเงิน คุณต้องรู้ว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ การกำหนดจุดหมายอย่างชัดเจน เช่น “เที่ยวญี่ปุ่น 7 วัน ใช้ประมาณ 50,000 บาท” จะทำให้คุณมีเป้าหมายที่ชัดและวัดผลได้
ให้รวบรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง:
- ค่าตั๋วเครื่องบิน (ไป-กลับ)
- ค่าที่พักทุกคืน
- ค่าเดินทางภายในประเทศนั้น
- ค่าอาหาร เครื่องดื่ม
- ค่าตั๋วเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ
- ค่าใช้จ่ายจิปาถะและของฝาก
การรู้ยอดรวมทั้งหมดจะช่วยให้คุณสามารถกำหนดระยะเวลาและจำนวนเงินที่ต้องออมในแต่ละเดือนได้อย่างเป็นรูปธรรม
เทคนิคออมเงินแบบไม่ฝืนชีวิตประจำวัน
เมื่อรู้ว่าเป้าหมายอยู่ที่ใด ขั้นต่อไปคือ “การเดินทาง” ที่คุณต้องทำทุกวัน ซึ่งก็คือการออมแบบเป็นระบบและมีวินัย
- เปิดบัญชีแยกเฉพาะสำหรับท่องเที่ยว ไม่ปะปนกับเงินใช้จ่ายประจำ
- หักเงินอัตโนมัติ ทันทีหลังเงินเดือนออก เช่น เก็บเดือนละ 4,000 บาท ต่อเนื่อง 12 เดือน ก็จะได้ 48,000 บาท
- ออมรายวันแบบสบาย ๆ เช่น วันละ 100 บาท ภายในปีเดียวคุณจะมีเงินถึง 36,000 บาท
การทำให้การออมเป็นพฤติกรรมประจำวัน จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกกดดันหรือฝืนใจ แถมยังเห็นความคืบหน้าอย่างชัดเจน
ใช้จิตวิทยาสร้างแรงผลักดัน
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้การออมเงินไปเที่ยวล้มเหลวคือ “หมดแรงบันดาลใจระหว่างทาง” เทคนิคง่าย ๆ เพื่อไม่ให้คุณถอดใจ:
- ตั้งภาพหน้าจอเป็นจุดหมายปลายทางที่คุณอยากไป
- เขียนบันทึกเหตุผลว่า “ทำไมถึงอยากไปที่นั่น” แล้วอ่านทุกเช้า
- แชร์เป้าหมายกับคนสนิท เพื่อรับการสนับสนุนและกำลังใจ
การเห็นภาพฝันของตัวเองทุกวันจะช่วยให้ “ใจไม่แกว่ง” และยังรักษาวินัยได้ดีขึ้น
รักษาสมดุลระหว่างเป้าหมายเที่ยวกับชีวิตประจำวัน
การเก็บเงินไปเที่ยวต้องไม่ทำให้คุณลำบากในชีวิตประจำ การบริหารเงินแบบ “แบ่งสัดส่วน” คือกุญแจสำคัญ เช่น:
- 60% ใช้จ่ายประจำวัน
- 20% ออมเพื่อเป้าหมาย (รวมถึงเที่ยว)
- 20% เพื่อเงินสำรองและลงทุน
เมื่อคุณจัดระบบได้แบบนี้ จะไม่มีความรู้สึกผิดเมื่อถอนเงินเพื่อเที่ยว เพราะคุณได้เตรียมพร้อมไว้แล้วในทุกด้าน
อย่าปล่อยให้เงินรั่วไหลโดยไม่รู้ตัว
บ่อยครั้งที่เราใช้เงินไปกับสิ่งเล็กน้อยโดยไม่ทันสังเกต เช่น กาแฟแก้วละ 100 บาททุกวัน หรือค่าเดลิเวอรี่อาหารที่เพิ่มขึ้นจากโปรโมชั่น การรู้เท่าทันพฤติกรรมการใช้จ่ายของตนเองคือก้าวแรกสู่การออมที่แท้จริง
ลองจดบันทึกรายจ่ายประจำสัปดาห์ และวิเคราะห์ว่าอะไรที่ตัดได้โดยไม่ลดคุณภาพชีวิต เช่น ทำอาหารเอง 2–3 วันต่อสัปดาห์ หรือเลี่ยงการซื้อของฟุ่มเฟือยซ้ำซ้อน เพียงเท่านี้ คุณจะมีเงินเหลือเพียงพอสำหรับเป้าหมายที่สำคัญกว่าความพอใจชั่ววูบ
รวมกลุ่มออมเงินเพื่อสร้างแรงจูงใจ
อีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจคือการออมแบบกลุ่ม เช่น ร่วมกับเพื่อนที่อยากไปเที่ยวเหมือนกัน สร้างกรุ๊ปแชตเพื่ออัปเดตยอดเงินที่เก็บได้ และให้กำลังใจกันและกัน วิธีนี้ช่วยสร้าง “แรงผลักจากภายนอก” และลดความเบื่อหน่ายในการเก็บเงินคนเดียว
กลุ่มออมยังสามารถร่วมกันวางแผนการเดินทาง แบ่งหน้าที่ในการหาดีล หรือจัดลำดับความสำคัญของสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสบการณ์ที่สนุกยิ่งขึ้นเมื่อถึงวันเดินทางจริง
เป้าหมายที่จับต้องได้ ไม่ใช่แค่ภาพในฝัน
บางคนเชื่อว่า “ต้องมีเงินเยอะก่อนถึงจะเที่ยวได้” แต่ความจริงคือ คนที่วางแผนดีกว่าต่างหากที่ไปได้ไกลกว่า การเริ่มออมวันนี้ แม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถเปลี่ยนอนาคตได้
เก็บเงินไปเที่ยว จึงไม่ใช่เรื่องของฐานะ แต่เป็นเรื่องของ “ระบบ วินัย และความตั้งใจ” เมื่อคุณทำได้สม่ำเสมอ การเดินทางในฝันก็จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
การออกเดินทาง ไม่ได้เริ่มต้นจากการเก็บกระเป๋า แต่มาจากการวางแผนเก็บเงินวันนี้อย่างจริงจัง















