การเรียนออนไลน์ในโลกหลังโควิด: เมื่อการศึกษาต้องปรับตัว และผู้เรียนต้องเปลี่ยนวิธีคิด

22

การเรียนออนไลน์ หรือ Online Learning หมายถึงรูปแบบการศึกษาและฝึกอบรมที่เกิดขึ้นผ่านระบบดิจิทัล เช่น เว็บไซต์ แพลตฟอร์มเรียนรู้ หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยแบบดั้งเดิม

การเรียนออนไลน์
การเรียนออนไลน์คืออะไร และทำไมจึงสำคัญมากขึ้นในยุคนี้

เดิมทีการเรียนออนไลน์เป็นเพียงทางเลือกเสริมสำหรับคนที่ต้องการความยืดหยุ่น แต่ในยุคหลังโควิด-19 รูปแบบนี้ได้กลายเป็น กลไกหลักของการศึกษา ที่ผู้เรียนหลายล้านคนทั่วโลกต้องพึ่งพา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ความสะดวก หรือการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาที่กว้างขึ้น

ข้อดีของการเรียนออนไลน์: ไม่ใช่แค่เรียนจากที่ไหนก็ได้

ข้อได้เปรียบของการเรียนออนไลน์ไม่ใช่เพียงเรื่องสถานที่ แต่ยังครอบคลุมถึงหลายมิติที่ส่งเสริมการเรียนรู้แบบ personalized และ self-directed อย่างแท้จริง

  • ความยืดหยุ่นของเวลา: ผู้เรียนสามารถจัดตารางเรียนให้เหมาะกับจังหวะชีวิต ไม่ต้องยึดติดกับชั่วโมงเรียนแบบเดิม
  • ต้นทุนต่ำลง: ไม่ต้องเดินทาง ซื้อหนังสือ หรือใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองเหมือนในห้องเรียนทั่วไป
  • แหล่งความรู้ไร้พรมแดน: ผู้เรียนสามารถเข้าถึงอาจารย์หรือผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น ทั้งจากคอร์สระดับมหาวิทยาลัยหรือเนื้อหาแบบ MOOC (Massive Open Online Course)

ข้อดีเหล่านี้ส่งผลให้การเรียนออนไลน์กลายเป็นพื้นที่ใหม่ของการพัฒนาตนเองที่ไร้ข้อจำกัด

ข้อเสียและความท้าทายของการเรียนออนไลน์

แม้จะดูเหมือนว่าโลกออนไลน์เปิดโอกาสให้เรียนรู้ได้ไม่จำกัด แต่ในความเป็นจริง การเรียนออนไลน์ก็มีข้อจำกัดที่ต้องยอมรับและหาวิธีรับมือ

ผู้เรียนจำนวนมากเผชิญกับปัญหา ขาดสมาธิ ระหว่างเรียน เพราะสิ่งล่อใจอยู่แค่ปลายนิ้ว อีกทั้งยังไม่มีแรงกระตุ้นจากเพื่อนร่วมชั้นหรือบรรยากาศของห้องเรียน ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวและขาดแรงจูงใจในระยะยาว

นอกจากนี้ การสื่อสารกับผู้สอนผ่านจอภาพอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิด หรือรู้สึกไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ต่างจากการเรียนแบบเผชิญหน้า ที่ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ได้ชัดเจนกว่า

และในหลายกรณี ระบบอินเทอร์เน็ตที่ไม่เสถียร หรืออุปกรณ์ไม่พร้อมใช้ ก็กลายเป็นอุปสรรคสำคัญที่ตัดโอกาสในการเข้าถึงการเรียนออนไลน์อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือมีข้อจำกัดด้านรายได้

ทำอย่างไรให้การเรียนออนไลน์ได้ผลจริง

หัวใจของการเรียนออนไลน์ให้ได้ผลจริง ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มใดเป็นพิเศษ แต่อยู่ที่วินัยของผู้เรียนและวิธีจัดการตัวเอง

เริ่มจากการกำหนด เป้าหมายชัดเจน ว่าเรียนเพื่ออะไร เพื่อให้เกิดแรงจูงใจจากภายใน ไม่ใช่แค่เพื่อจบคอร์ส นอกจากนี้ การจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียน เช่น มุมเงียบ ปราศจากสิ่งรบกวน และมีอุปกรณ์พร้อมใช้งาน จะช่วยให้สมองโฟกัสได้ดีกว่าเดิม

สิ่งสำคัญที่สุดคือการมี ตารางเรียนที่สมดุล ระหว่างการเรียนรู้และการพักผ่อน การเรียนแบบ non-stop ไม่ได้หมายถึงมีประสิทธิภาพเสมอไป ในทางตรงกันข้าม การแบ่งเวลาอย่างเหมาะสมช่วยให้สมองรับข้อมูลได้ลึกและยาวนานขึ้น

เทคนิคสนับสนุนการเรียนออนไลน์

แม้จะไม่มีสูตรตายตัว แต่เทคนิคเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์ว่าส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการเรียนออนไลน์:

  • ใช้เทคนิค Pomodoro แบ่งเวลาเรียนเป็นช่วงสั้น ๆ เช่น 25 นาทีเรียน 5 นาทีพัก เพื่อคงสมาธิ
  • เขียนบันทึกสรุปเนื้อหาด้วยคำของตนเอง ไม่พึ่งแค่ไฮไลต์
  • ทดลองสอนเนื้อหานั้นให้ผู้อื่นฟัง เพราะการสอนคือบททดสอบของความเข้าใจ
  • ถ้าเรียนผ่านวิดีโอ ให้ดูแบบปิดซับไตเติลก่อนรอบแรก เพื่อฝึกสมาธิ จากนั้นค่อยเปิดซับทบทวน

ใครเหมาะกับการเรียนออนไลน์มากที่สุด

แม้ใคร ๆ ก็เรียนออนไลน์ได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะ “เหมาะ” กับรูปแบบนี้เท่ากัน คนที่เหมาะกับการเรียนออนไลน์ส่วนใหญ่มีลักษณะดังนี้:

  • เป็นคนมีวินัยในตัวเองสูง ไม่ต้องรอให้ใครบอกว่าควรเริ่มเมื่อไร
  • ชอบการเรียนรู้แบบลึกและช้า ไม่ถูกบีบด้วยเวลา
  • กล้าตั้งคำถามกับเนื้อหา และกล้าลองผิดลองถูก

แน่นอนว่าคนที่ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ก็สามารถเรียนออนไลน์ได้เช่นกัน เพียงแต่ต้องอาศัยการฝึกฝนและปรับตัวมากขึ้น

เรียนออนไลน์แบบกลุ่มหรือเดี่ยว แบบไหนดีกว่ากัน

หนึ่งในคำถามที่พบได้บ่อยคือ การเรียนแบบกลุ่มผ่าน Zoom, Microsoft Teams หรือ Google Meet กับการเรียนเดี่ยวผ่านคอร์สออนไลน์นั้น แบบใดให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน คำตอบขึ้นอยู่กับ รูปแบบการเรียนรู้ของแต่ละคน

บางคนเรียนรู้ได้ดีที่สุดเมื่อได้ฟัง อภิปราย และสอบถามกับผู้อื่น ในขณะที่บางคนกลับต้องใช้พื้นที่ส่วนตัวและเวลาในการตกผลึกข้อมูล

การสลับรูปแบบระหว่างเดี่ยวและกลุ่มอาจเป็นทางออกที่ดี โดยเฉพาะเมื่อคอร์สออนไลน์เริ่มเปิดให้มี Community ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนความรู้กันได้แม้ไม่ได้เจอหน้ากันจริง ๆ

การเรียนออนไลน์ในอนาคต: Hybrid Learning กำลังจะกลายเป็นมาตรฐาน

ในระยะยาว โลกไม่ได้กำลังเปลี่ยนจากการเรียนในห้องสู่โลกออนไลน์อย่างสมบูรณ์แบบ แต่กำลังมุ่งสู่ Hybrid Learning หรือการผสมผสานข้อดีของทั้งสองรูปแบบเข้าด้วยกัน

มหาวิทยาลัยหลายแห่งเริ่มเปิดคอร์สที่เรียนผ่านออนไลน์เป็นหลัก แต่มีบางกิจกรรมที่ยังใช้รูปแบบเจอกันจริง เช่น เวิร์กชอป ห้องปฏิบัติการ หรือการนำเสนอผลงานร่วมกัน เพื่อรักษาสมดุลของประสบการณ์การเรียนรู้

รูปแบบนี้เปิดทางให้ผู้เรียนมีอิสระ แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพและความสัมพันธ์ที่มนุษย์ต้องการ ซึ่งอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการศึกษายุคหลังโควิด

การเรียนออนไลน์ ไม่ใช่เพียงวิธีหนีห้องเรียน แต่คือการเปิดประตูใหม่ของการเรียนรู้ ที่เปลี่ยนผู้เรียนจากผู้รับสาร มาเป็นผู้จัดการกระบวนการเรียนรู้ด้วยตัวเองอย่างแท้จริง หากเข้าใจธรรมชาติของรูปแบบนี้ และปรับพฤติกรรมให้สอดคล้อง โอกาสในการเติบโตแบบไร้ขีดจำกัดจะอยู่แค่ปลายนิ้วของเรา